การควบคุมคุณภาพน้ำสำหรับฟาร์มกุ้งและปลา คุณภาพน้ำมีความสำคัญเป็นอับดับแรกสำหรับการเลี้ยงกุ้งและปลา ถ้าคุณภาพน้ำไม่ดีก็จะทำให้สัตว์น้ำได้รับผลกระทบต่อสภาพร่างกาย การเจริญเติบโต การสืบพันธุ์ อัตราการอยู่รอดลดลง และเกิดความเครียดทางชีววิทยา ดังนั้นการเข้าใจถึงคุณภาพน้ำจึงเป็นสิ่งจำเป็นต่อสิ่งแวดล้อมของน้ำสำหรับสัตว์น้ำ และเพื่อให้กุ้งและปลาสามารถดำรงชีวิตได้ดี กล่าวได้ว่า “คุณสมบัติของน้ำ” หมายถึงคุณสมบัติทางฟิลิกส์และเคมี ซึ่งมีความสัมพันธ์กัน รวมถึงมีความสำคัญต่อการเพาะเลี้ยงกุ้งและปลาด้วย โดยมีผลต่อการเจริญเติบโตช้าหรือเร็ว การตาย การเกิดโรคระบาด ตลอดจนมีผลต่อระบบสืบพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต เป็นต้น คุณสมบัติทางกายภาพของน้ำมีมากมายแต่ถ้าจะพูดถึงที่มีต่อการเพาะเลี้ยงก็มีไม่มากนักแต่อย่างไรก็ตามสามารถที่จะควบคุมตามที่ต้องการได้ คุณสมบัติของน้ำที่มีผลต่อการเลี้ยงกุ้งและปลา 1. ความเป็นกรด-ด่าง หมายถึงการวัดความเข้มข้นของไฮโดรเจนไอออนและไฮดรอกไซด์ที่มีอยู่ในน้ำเพื่อแสดงให้ทราบว่าคุณภาพของน้ำอยู่ในสภาวะกรดหรือด่าง โดยตามธรรมชาติจะขึ้นอยู่กับภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อมบริเวณรอบ เช่น ลักษณะของพื้นดินและหิน ตลอดจนการใช้ที่ดินบริเวณนั้น รวมถึงอิทธิพลจากสิ่งมีชีวิตในแหล่งน้ำ เช่น แพลงก์ตอนและจุลินทรีย์ การที่พืชจะได้รับธาตุอาหารได้ดีหรือไม่ดีนั้นจะขึ้นอยู่กับค่ากรด-ด่าง หากพบว่าค่า pH ต่ำกว่า 4.5 พืชน้ำจะไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เช่นเดียวกันกับหากค่า pH สูงหรือต่ำเกินมาตรฐานก็จะทำให้สัตว์น้ำไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ โดยกำหนดได้ ดังนี้ ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ผลที่ตามมา 4.0 หรือต่ำกว่า อันตรายส่งผลให้สัตว์น้ำตายได้ 4.0 – 6.0 สัตว์น้ำบางชนิดตายได้ หรือเกิดการเจริญเติบโตช้า 6.5…
การควบคุมคุณภาพน้ำสำหรับระบบบอยเลอร์และคูลลิ่งทาวเวอร์ เป็นสิ่งสำคัญที่โรงงานอุตสาหกรรมการผลิตควรจะต้องศึกษาเรียนรู้ให้เข้าใจถึงกระบวนการควบคุมดูแลระบบให้เป็นไปตามที่มาตรฐานกำหนดเพื่อควบคุมงบประมาณ ความปลอดภัยและประสิทธิภาพการทำงานที่ดี ซึ่งปัญหาหลักมักเกิดจากคุณภาพของน้ำก่อนเข้าระบบ จึงทำให้มีการเพิ่มกระบวนการเตรียมน้ำที่มีคุณภาพดีก่อน เพราะแหล่งน้ำในแต่ละพื้นที่มีสภาพแวดล้อมทางภูมิศาสตร์ต่างกันส่งผลให้คุณภาพน้ำก็ต่างกันด้วย ระบบบอยเลอร์ คือเครื่องจักรผลิตไอน้ำแบบหม้อต้มที่นับว่ามีบทบาทอย่างมากและเป็นหัวใจสำคัญของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต ดังนั้นจึงต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแลเพื่อควบคุมระบบ โดยปัจจัยที่จะก่อให้เกิดปัญหา คือการควบคุมคุณภาพของน้ำในระบบ เนื่องมาจากชั้นหินที่สะสมและก่อตัวขึ้นจนหนาทำให้ความร้อนถูกถ่ายเทไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้ความต้องการใช้ไอน้ำไม่เพียงพอต่อการผลิต จนต้องเกิดการเพิ่มพลังงานเข้าไปมากกว่าปกติ การเร่งไฟเรื่อยๆ จะทำให้โลหะภายในอ่อนตัวจนรับแรงดันไอน้ำไม่ไหวและเกิดการระเบิดในที่สุด รวมถึงน้ำส่งผลต่อการเกิดสนิมทำให้เกิดการกัดกร่อนบนผิวโลหะ ระบบคูลลิ่งทาวเวอร์ สามารถใช้ประโยชน์ในด้านการระบายความร้อนจากอุณหภูมิสูงของเครื่องจักร ซึ่งเกิดจากการเสียดสีจนทำให้เกิดอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงสูงสุด ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องจักรต่ำลง แต่ในขณะเดียวกันถ้าน้ำคูลลิ่งทาวเวอร์ถูกป้อนเข้าไปเพื่อระบายความร้อน ก็จะนำพาเอาความร้อนออกมาด้วย และพบว่าน้ำจะได้รับพลังงานจากความร้อนทำให้เกิดแร่ธาตุต่างๆ เช่นแคลเซียม ไบคาบอร์เนตละลายอยู่ในน้ำเจือปนออกมาด้วย เมื่อวัดค่า TDS และความกระด้างพบว่าค่าสูงเกิดเป็นตะกรันตามพื้นผิวตลอดแนวที่น้ำไหลผ่าน จนในที่สุดทำให้เกิดการปิดกั้นการระบายความร้อน และผลที่ตามมาเมื่อสภาวะที่อุณหภูมิคงที่จะเกิดคราบหรือกลุ่มแบคทีเรียและจุลชีพเล็กๆ สะสมจำนวนมาก “การติดตั้งระบบบอยเลอร์เป็นสิ่งที่ดีช่วยประหยัดพลังงานมากและช่วยรักษ์โลก ซึ่งในปัจจุบันนิยมติดตั้งกันอย่างกว้างขวางสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมผลิต” ข้อมูลหม้อน้ำในประเทศไทยแยกตามประเภทอุตสาหกรรม ดังนี้ ประเภทอุตสาหกรรม จำนวนหม้อน้ำ (ลูก) สัดส่วน (%) อุตสาหกรรมกระดาษ 342 3.88 อุตสาหกรรมเคมี 1,389 15.76 อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์โลหะ 675 7.66 อุตสาหกรรมไม้ 549…
Uncategorized
ทำไมค่า EC | ถึงสำคัญต่อการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์
“ไฮโดรโปนิกส์ (hydroponics)” เป็นการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินแต่ใช้น้ำที่มีธาตุอาหารพืชละลายอยู่หรือการปลูกพืชในสารละลายธาตุอาหารพืชทดแทน ซึ่งนับเป็นวิธีการใหม่ในการปลูกพืช ในปัจจุบันได้รับความนิยมมากเนื่องจากขั้นตอนการปลูกง่าย ประหยัดพื้นที่ในการปลูก แถมยังไม่ต้องคอยดูแลพรวนดินให้เหนื่อยแรงอีกด้วย ไฮโดรโปนิกส์ (hydroponics) มาจากภาษากรีกคือ Hydro แปลว่าน้ำ และ Ponos แปลว่าทำงานหรือแรงงาน เมื่อมารวมกันจึงหมายถึงการทำงานของน้ำ ประวัติความเป็นมาของการปลูกพืชโดยวิธีนี้เริ่มมาจากการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ธาตุอาหารต่างๆ ในการปลูกพืช เมื่อหลายพันปีผ่านมานักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษได้พยายามทดลองเพื่อหาคำตอบว่าอนุภาคที่อยู่ในดินมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืชอย่างไร หลังจากนั้นจึงได้มีการพัฒนาปลูกพืชด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์ตามหลักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ โดยใช้สารละลายเกลือ อนินทรีย์ต่างๆ เช่น โพแทสเซียมฟอสเฟต โพแทสเซียมไนเตรต ซึ่งให้ธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม กำมะถัน แคลเซียม และเหล็ก ฯลฯ “โดยปกติพืชสามารถเจริญเติบโตได้ดีนั้นต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ ที่เหมาะสม เช่น แสงแดด อุณหภูมิ น้ำ และธาตุอาหารพืช การที่พืชจะนำธาตุอาหารพืชไปใช้ประโยชน์ได้นั้นก็ต้องคำนึงถึงเรื่องความเป็นกรด-ด่าง (pH) และสารละลายธาตุอาหาร (EC) ที่ใช้ในการปลูกพืช” ข้อดีของการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ 1. สามารถปลูกในพื้นที่ขนาดเล็กและสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมกับการปลูกได้ 2. สามารถให้ผลผลิตได้อย่างสม่ำเสมอ 3….
ก่อนที่จะเรียนรู้วิธีการใช้งานเครื่องวัด EC เราควรทราบเกี่ยวกับค่า EC เบื้องต้นก่อน “ค่าการนำไฟฟ้า”หรือ EC คือการวัดความสามารถในการเหนี่ยวนำไฟฟ้าต่อหน่วยพื้นที่ที่กำหนดในระดับอะตอมหรือไอออน เป็นการวัดปริมาณประจุรวมในน้ำทั้งหมด แต่อย่างไรก็ตามเป็นเพียงแค่วัดปริมาณประจุรวมเท่านั้นไม่สามารถแบ่งแยกชนิดของประจุได้ ค่าการนำไฟฟ้าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่แตกต่างกัน คืออุณหภูมิและชนิดของประจุที่ละลายอยู่ในน้ำ สำหรับหน่วยในการวัดค่า EC จะนิยมรายงานค่าในหน่วย mS/cm และ µS/cm ซึ่งเป็นหน่วยที่รองรับในระดับสากล มักจะเกิดความเข้าใจผิดเสมอเกี่ยวกับการหาปริมาณเกลือโดยการวัดค่า EC ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสมหากในตัวอย่างนั้นมีส่วนผสมอื่นๆ รวมอยู่ด้วย เนื่องจากการวัดค่าการนำไฟฟ้าไม่สามารถแยกชนิดของประจุได้ จึงไม่เหมาะกับวัดตัวอย่างที่มีความซับซ้อน ความสัมพันธ์ระหว่างค่า EC และค่าความต้านทานไฟฟ้าเป็นส่วนกลับของกันและกัน ดังนั้นค่าความต้านทาน คือการวัดความสามารถในยับยั้งกระแสไฟฟ้า โดยทั่วไปมักจะใช้ในการวัดหาปริมาณไอออนที่มีปริมาณต่ำในน้ำบริสุทธิ์ ซึ่งหากน้ำที่มีความบริสุทธิ์มากๆ ค่า EC จะต่ำและในทางกลับกันค่าความต้านทานจะต้องสูง (>18MΩ) ชนิดของหัววัดค่า EC แบ่งออกเป็น 3 ชนิดด้วยกัน ดังนี้ 1. Two Electrode probe อาศัยหลักการแอมเพอโรเมตริก เหมาะสมกับตัวอย่างน้ำสะอาดที่มีค่า EC ไม่เกิน 5 mS/cm 2. Four ring…
เทคนิคการไทเทรตคือวิธีการทางปริมาณวิเคราะห์ เป็นการวิเคราะห์หาความเข้มข้นของสารละลายที่ยังไม่ทราบความเข้มข้นแต่ทราบปริมาตรจากสารละลายมาตรฐานที่ทราบความเข้มข้นแน่นอน โดยใช้การเปลี่ยนสีของอินดิเคเตอร์เป็นเกณฑ์ในการบอกจุดยุติ เพื่อนำมาคำนวณหาความเข้มข้นของสารละลายตัวอย่าง เมื่อโลกได้มีเทคโนโลยีเข้ามาจึงเกิดการพัฒนาเพื่อทำให้การทำงานง่ายขึ้นและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น จึงส่งผลให้มีการพัฒนาเครื่องมือที่จะช่วยลดความผิดพลาดในการทำงาน รวมถึงให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง นั่นคือ“เครื่องไทเทรต”แบบอัตโนมัติ ในสมัยก่อนการไทเทรตจะทำโดยการจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับการไทเทรต อาทิเช่น บิวเรต ขวดรูปชมพู่ อินดิเคเตอร์ และสารเคมีต่างๆ มากมาย โดยไทเทรตระหว่างสารตัวอย่างกับสารไตแตรนท์ จากนั้นเติมอินดิเคเตอร์เพื่อใช้ในการบอกจุดยุติของการไทเทรตแล้วนำมาคำนวณหาความเข้มข้นของสารตัวอย่าง ซึ่งกว่าเราจะได้ผลการวัดก็ใช้ระยะเวลาพอสมควรและผลการทดสอบที่เราได้ก็อาจจะไม่ได้ถูกต้องแม่นยำมากนัก เนื่องจากเป็นการสังเกตจุดยุติด้วยตาของผู้ทดลอง จึงได้มีการพัฒนาเครื่องไทเทรตแบบอัตโนมัติขึ้นมาโดยอาศัยหลักการโพเทนชิโอเมตริกหรือวัดค่าศักย์ไฟฟ้าแทนการใช้อินดิเคเตอร์นั่นเอง และในปัจจุบันได้ พัฒนาการไทเทรตแบบอัตโนมัติโดยอาศัยการตรวจวัดแสง ขึ้นมา ทราบหรือไม่ว่า ? ทุกวันนี้พบว่าในโรงงานอุตสาหกรรมพบเจอปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับความล่าช้าและเสียเวลาในการทำงาน ซึ่งต้องอาศัยทั้งเวลาและทักษะในการทำงานของผู้ทดลอง ส่งผลทำให้เกิดความล่าช้าในการผลิตและส่งออกสู่ตลาดไม่ทันการณ์ หากต้องการผลที่ถูกต้องก็ต้องทำการทดลองซ้ำๆ ซึ่งก็ต้องใช้เวลาที่มากขึ้น หากต้องการผลการทดลองที่แม่นยำและรวดเร็วก็อาจจะต้องใช้งบประมาณในการจ้างผู้เชี่ยวชาญมาดูแล ดังนั้นเพื่อผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและรวดเร็ว คือการใช้เครื่องไทเทรตแบบอัตโนมัติจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ประเภทของการไทเทรต ดังนี้ 1. การไทเทรตกรด-เบส 2. การไทเทรตปฏิกิริยารีดอกซ์ 3. การไทเทรตปฏิกิริยาการเกิดสารเชิงซ้อน 4. การไทเทรตอาร์เจนโตเมตริก 5. การไทเทรตโดยใช้หัววัดไอออน (ISE) 6. การไทเทรตปฏิกิริยาที่ไม่ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย…
เกลือหรือเรียกทางเคมีว่าโซเดียมคลอไรด์ โดยปกติคนไทยมักจะบริโภคเกลือสูงประมาณ 3,000 – 5,000 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งเกินมาตรฐานมาก แล้วความเค็มเท่าไหร่ถึงจะพอดี ?ปริมาณเกลือที่ควรจะได้รับจะต้องไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวันหรือประมาณ 1 ช้อนชา แหล่งเกลือที่พบในชีวิตประจำวันของเรามาจากเครื่องปรุงรสต่างๆ อาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูป กุนเชียง แฮม ไส้กรอก ปลาร้า ปูเค็ม ไข่เค็ม อาหารหมักดอง และขนมขบเคี้ยวต่างๆ คนไทยส่วนใหญ่บริโภคเครื่องปรุงรสเกือบจะทุกวันที่นิยมมากที่สุดคือ น้ำปลา รองลงมาคือ ซีอิ๊วขาว เกลือ กะปิ ซอยหอยนางรม และผงปรุงรสสำเร็จรูป รวมถึงอาหารสำเร็จรูปที่มีค่าเกลือสูงมาก คือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งมีปริมาณเกลือสูงถึง 1,200 มิลลิกรัมต่อซอง และปลากระป๋อง หากเราได้รับปริมาณความเค็มมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย หรืออาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้ ในปัจจุบันพบผู้ป่วยจำนวนมากที่เป็นโรคเกี่ยวกับพฤติกรรมติดเค็ม สาเหตุหลักที่พบมาจากการกินอาหารสำเร็จรูป เน้นกินง่าย รวดเร็วและเน้นความอร่อยของรสชาติ โดยไม่ทันได้คำนึงถึงปริมาณโซเดียมที่แอบแฝงอยู่ในอาหาร เมื่อรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นโรคประจำตัวแล้ว ดังนั้นเราจึงต้องเรียนรู้วิธีการควบคุมปริมาณของโซเดียมในแต่ละวันให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ทราบหรือไม่ว่า…
สระว่ายน้ำเป็นสถานที่เพื่อสร้างความเพลิดเพลินบันเทิงใจทำให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่ออ่อนล้าจากการทำงาน หรือจากการทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงเป็นกิจกรรมเพื่อการออกกำลังกาย ไม่เพียงเท่านั้นแต่ยังเป็นพื้นที่แห่งความสุขของสมาชิกทุกคนในบ้านที่มาใช้ชีวิตร่วมกันอีกด้วย เมื่อมีการใช้งานสระว่ายน้ำก็ต้องมีการดูแลรักษาเพราะสระว่ายน้ำไม่ว่าจะตั้งอยู่ในพื้นที่ร่มหรือที่โล่งแจ้งก็มักจะพบสารเคมีปนเปื้อนอยู่ด้วยเสมอ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาวดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรู้ค่า pH ในสระว่ายน้ำ สระว่ายน้ำปนเปื้อนจากอะไรได้บ้าง ? ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อสระว่ายน้ำประกอบด้วย 3 ข้อ ดังนี้ 1. บุคคลที่ลงเล่นน้ำ (รวมถึงสัตว์เลี้ยง) จัดเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดสิ่งสกปรก และปนเปื้อนอยู่ในสระว่ายน้ำ รวมถึงของเสียจากร่างกาย เช่น เหงื่อ ปัสสาวะ น้ำยาซักผ้า น้ำหอม ครีมทาผิว โลชั่นกันแดด ฯลฯ ทำให้จะต้องมีการกำจัดสิ่งสกปรกที่เกิดขึ้นเหล่านี้ด้วยการเติมสารเคมีเป็นระยะๆ เพื่อปรับสภาพน้ำให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา และไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายของผู้ที่ลงเล่นน้ำ 2. สภาพแวดล้อม การปนเปื้อนจากสภาพแวดล้อมสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาขึ้นอยู่กับบริเวณที่ตั้ง สภาพอากาศ และสภาวะแวดล้อมข้างเคียง เช่นสระว่ายน้ำกลางแจ้ง และสระว่ายน้ำในร่มจะพบการปนเปื้อนที่แตกต่างกัน สำหรับสระว่ายน้ำกลางแจ้งอาจจะเกิดการปนเปื้อนที่ปลิวมากับลม สิ่งสกปรกที่มาจากแมลง หรือการเปลี่ยนแปลงค่า pH ที่มาจากน้ำฝน เป็นต้น …
FluorideFluoride is the element fluorine’s salt. Found naturally in soil, water, air, mineral stones, and even some foods. particularly seafood and certain vegetables, as well as being produced for a variety of purposes People can obtain natural sources of energy in their daily lives by drinking water and eating food. Fluoride is nearly completely absorbed…
ดิน คือวัตถุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเกิดจากการสลายตัวของหินและแร่ธาตุต่างๆ ผสมกับอินทรียวัตถุ ซึ่งปกคลุมบนผิวโลกอยู่ชั้นกลางทำให้เกิดเป็นแร่ธาตุอาหารในดิน จึงจัดเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยค้ำจุนพืชให้สามารถเจริญเติบโตได้ นอกจากนั้นพืชยังต้องการแสงแดด อากาศ น้ำ และสารอาหารเพื่อเติบโต ดังนั้นจึงต้องมีการควบคุมปริมาณแร่“ธาตุอาหารในดิน” เพื่อให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ ให้ผลผลิตที่ดี ให้ดอกที่สวยงาม ตามที่เราต้องการ โดยการวัดค่า EC ในดินก็จะสามารถประเมินความเหมาะสมของแร่ธาตุอาหารในดินได้ ในประเทศไทยสามารถแบ่งประเภทของดินได้ทั้งหมด 3 ประเภท คือ ดินทราย ดินเหนียว และดินร่วน ซึ่งคุณสมบัติของดินแต่ละประเภทก็จะแตกต่างกันออกไปโดยส่งผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของพืช ดินทราย เป็นดินที่ประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กของหินผุกร่อน เกาะตัวไม่แน่น อุ้มน้ำได้น้อย แต่สามารถระบายน้ำและอากาศได้ดีมาก จึงไม่มีความสามารถในการจับแร่ธาตุอาหารของพืชได้ จึงจัดเป็นดินที่ไม่เหมาะสมในการปลูกพืชเพราะมีแร่ธาตุอาหารต่ำและไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ ดินเหนียว เป็นดินที่ประกอบด้วยอนุภาคแร่ที่มีเนื้อละเอียดมาก มีความยืดหยุ่นได้ดีเมื่อเปียกน้ำ เหนียวติดมือ สามารถปั้นเป็นก้อนได้ จึงทำให้มีคุณสมบัติที่ดูดแร่ธาตุอาหารของพืชได้ดี เหมาะสมกับการปลูกพืชที่ต้องการน้ำในปริมาณมากในการเจริญเติบโต ดินร่วน เป็นดินที่ค่อนข้างละเอียด มีความยืดหยุ่นพอสมควร มีความสามารถในการระบายน้ำได้ปานกลาง เป็นส่วนผสมของทราย ตะกอน และดินเหนียว จึงทำให้มีคุณสมบัติกักเก็บความชื้นและแร่ธาตุอาหารเหมาะแก่การทำการเกษตรมากกว่า จึงถูกเรียกว่า “ดินเกษตร” แร่ธาตุอาหารหลักในดินที่พืชมีความต้องการมากที่สุด ไนโตรเจน ใบและลำต้นมีความต้องการมากเนื่องจากใช้สังเคราะห์แสงและช่วยทำให้พืชตั้งตัวได้เร็ว ฟอสฟอรัส ดอกและรากมีความต้องการเนื่องจากช่วยในการออกดอก…
ในประเทศไทยมีผู้สนใจเลี้ยงสัตว์ทะเลกันมากยิ่งขึ้น ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อความสวยงามและความชอบส่วนบุคคล เมื่อมีความสนใจที่จะริเริ่มเลี้ยงปลาทะเลจึงต้องคำนึงถึงปัญหาของตู้เลี้ยงสัตว์ทะเลทั่วๆ ไป คือการนำน้ำทะเลมาใช้ในการเลี้ยงสัตว์ทะเล จัดเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ดังนั้นน้ำที่เหมาะสมที่สุด คือน้ำทะเลจากธรรมชาติ โดยนำมาผ่านกรรมวิธีในการฆ่าเชื้อ และพักน้ำทิ้งไว้ประมาณ 3-7 วันก่อนจะนำมาใช้งานจริง และสิ่งที่ต้องคำนึงถึงรองลงมาคือ การควบคุมคุณภาพน้ำในระหว่างเลี้ยงปลา ซึ่งพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้อง การวัดค่าแอมโมเนีย ไนเตรต และไนไตรต์ หรือเรียกรวมว่า “สารประกอบไนโตรเจน” ซึ่งเกิดจากการขับถ่ายของเสียของสัตว์น้ำ และเศษอาหารที่ยังคงค้างในตู้ปลา ตามธรรมชาติแอมโมเนียที่เกิดจากของเสียที่สัตว์น้ำถ่ายออกมาจะถูกเปลี่ยนรูปเป็นไนไตรต์ และจะถูกเปลี่ยนมาเป็นไนเตรตโดยแบคทีเรียที่อยู่ตามชั้นกรวดในตู้เลี้ยงปลา ปริมาณแบคทีเรียจะขึ้นอยู่กับของเสียในตู้ปลา แอมโมเนีย เป็นผลผลิตจากของเสียที่สัตว์น้ำขับถ่ายออกมา เมื่อพบในปริมาณมากอาจทำให้เกิดความเป็นพิษชนิดรุนแรงของน้ำได้ เกิดจากสารประกอบโปรตีนถูกแบคทีเรียย่อยสลายกลายเป็นแอมโมเนีย ไนเตรต เป็นสารประกอบหลักของโปรตีนในน้ำทะเล ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของสิ่งมีชีวิต แบคทีเรียและพืชบางชนิดสามารถตรึงไนโตรเจนจากอากาศได้โดยตรง พืชสีเขียวอาจใช้ไนโตรเจนที่อยู่ในสารประกอบ เช่น แอมโมเนียหรือไนเตรต สำหรับการสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างโปรตีน มีพิษน้อยกว่าแอมโมเนีย แต่หากพบในปริมาณมากก็จะส่งผลต่อคุณภาพน้ำเช่นกัน ไนไตรต์ เป็นสารที่พบได้น้อยมากในแหล่งน้ำ แต่สำหรับในบ่อเลี้ยงปลาที่มีการให้อาหารประเภทโปรตีนสูงจะทำให้ไนไตรต์เพิ่มขึ้นสูงมาก ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อระบบนิเวศในน้ำ ปริมาณสารประกอบไนโตรเจนชนิดต่างๆ ที่สะสมในน้ำ เป็นตัวบ่งชี้ถึงสภาวะความเน่าเสียของน้ำที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะแอมโมเนียพบว่าเป็นพิษต่อปลาและกุ้งในน้ำทะเลเมื่ออยู่ในรูปที่ไม่แตกตัวเป็นไอออน (Unionized Form) ส่วนในรูปที่สามารถแตกตัวได้พบว่าไม่มีพิษต่อสัตว์ทะเล เว้นแต่ว่าจะพบในปริมาณที่สูงมาก โดยการแตกตัวของแอมโมเนียจะขึ้นอยู่กับค่า pH…